แดดแรง แสงจ้า ภัยร้ายทำร้ายผิว! หลายคนคงคุ้นเคยกับ ครีมกันแดด ไอเท็มคู่กายที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แต่เคยสงสัยไหมว่า SPF และ PA บนฉลากครีมกันแดด หมายถึงอะไร และสำคัญอย่างไร ?
บทความนี้จะพาคุณมาไขข้อข้องใจ เรียนรู้ความหมายและความสำคัญของ SPF และ PA เพื่อเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวของคุณ
SPF : ปกป้องผิวจากรังสียูวีบี
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันผิวจาก รังสียูวีบี (UVB) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ อาการผิวไหม้แดด
- ครีมกันแดดที่มี SPF 15 หมายความว่า ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้มากกว่าผิวปกติ 15 เท่า
- SPF 30 ป้องกันได้ 96.7%
- SPF 50 ป้องกันได้ 98%
- SPF 100 ป้องกันได้ 99%
การเลือกค่า SPF ที่เหมาะสม:
- ผิวทั่วไป: SPF 30 ขึ้นไป
- ผิวขาว: SPF 50+
- กิจกรรมกลางแจ้ง: SPF 50+
- ริมทะเล: SPF 50+
PA : ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ
PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันผิวจาก รังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ ริ้วรอยก่อนวัย และ ผิวคล้ำเสีย
- PA+ ป้องกันผิวจากรังสียูวีเอได้ 2-4 เท่า
- PA++ ป้องกันผิวจากรังสียูวีเอได้ 6-8 เท่า
- PA+++ ป้องกันผิวจากรังสียูวีเอได้ 8-16 เท่า
- PA++++ ป้องกันผิวจากรังสียูวีเอได้ มากกว่า 16 เท่า
การเลือกค่า PA ที่เหมาะสม:
- ผิวทั่วไป: PA++ ขึ้นไป
- ผิวขาว: PA+++ ขึ้นไป
- กิจกรรมกลางแจ้ง: PA+++ ขึ้นไป
- ริมทะเล: PA++++
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15-20 นาที
- ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังว่ายน้ำ เช็ดเหงื่อ
- เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว
- ทดสอบครีมกันแดดก่อนใช้จริง
แหล่งข้อมูล: